ศิลปะแบบบารอค
ศิลปะบารอกเกิดขึ้นเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่
16 สืบต่อจากศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และเสื่อมความนิยมเมื่อประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่
18 ลักษณะของศิลปะบารอกเปลี่ยนแปลงจากศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
ซึ่งแสดงอารมณ์สงบนิ่งแฝงปรัชญามาเป็นอารมณ์พลุ่งพล่าน แสดงความดิ้นรน เคลื่อนไหว หรือสร้างให้มีรูปทรงบิดผันจนเกินงาม
หรือประณีตบรรจงเกินไป และเน้นบรรยากาศโอ่อ่าหรูหราเป้นพิเศษ
ศิลปะแนวนี้รุ่งเรืองมากในประเทศอิตาลี และกลุ่มประเทศคาทอลิก
1.
ด้านจิตรกรรม
มีการลวงตาด้วยเส้น สี แสงเงา และใช้หลักทัศนียวิสัย ทำให้ภาพมีลักษณะกินตา
เป็นภาพสามมิติ จิตรกรสำคัญได้แก่ มีเกลันเจโล ดา การาวัจโจ(Michelangeloda Caravaggio ค.ศ.1573-1610)
เรมบรันต์(Rembrandt ค.ศ.1606-1669) และพีเตอร์ พอล รูเบนส์(Peter Paul Rubens ค.ศ.1577-1644)
2.
สถาปัตยกรรม
นิยมสร้างให้ดูโอ่อ่าเกินความจำเป็น ตัวอย่างเช่นสถาปัตยกรรมภายในพระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส
ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
3.
ศิลปะด้านดนตรี
มีการพัฒนาไปมากทั้งการร้องและการบรรเลงเครื่องดนตรี ขนาดของวงดนตรีขยายใหญ่
จากแบบ Chamber Music ที่ใช้ผู้เล่นไม่กี่คน มาเป็นแบบ
Orchestra ที่ใช้ผู้เล่นและเครื่องดนตรีจำนวนมาก
มีการแต่งเพลงและใช้โน้ตเพลง และเปิดการแสดงดนตรีในห้องโถงใหญ่ๆ นักดนตรีสำคัญ คือ
โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค (Johann Sebastian Bach) ชาวเยอรมัน
ซึ่งแต่งเพลงทางด้านศาสนาเป็นส่วนใหญ่
4.
ด้านวรรณกรรม ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองแห่งวรรณกรรมยุโรป มีผลงานชิ้นเอกของนักประพันธ์ชาวอังกฤษและฝรั่งเศสเกิดขึ้นมากมาย
ที่เด่นคือ งานเขียนทางปรัชญาการเมืองของ จอห์น ลอค ( John Lock) และผลงานของนักเขียนบทละครเสียดสีสังคมชั้นสูง ชื่อ โมลิแอร์ ( Moliere)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น